การหารลงตัว

เมื่อกำหนดจำนวนนับมาให้ เราสามารถพิจารณาการหารลงตัวได้โดยการนำจำนวนที่ต้องการตรวจสอบว่าหารลงตัวหรือไม่ ไปทดลองหารดู ถ้ามีเศษเป็น 0 แสดงว่าหารลงตัว หากมีเศษก็จะไม่ลงตัว โดยมีวิธีการพิจารณาตามตัวเศษดังนี้
1. 1 หารจำนวนนับทุกจำนวนลงตัว
2. 2 หารจำนวนคู่ลงตัว จำนวนคี่จะหารด้วย 2 ไม่ลงตัว
3. 3 หารจำนวนที่ผลบวกของเลขโดดของจำนวนนั้นลงตัว เช่น 2331 หารด้วย 3 ลงตัว เพราะ 2+3+3+1 = 9 ซึ่งหารด้วย 3 ลงตัว หรือ 4563 หารด้วย 3 ลงตัวเพราะ 4+5+6+3 = 18 ซึ่ง 18 หารด้วย 3 ลงตัว เป็นต้น
4. การตรวจสอบการหารด้วย 4 ลงตัว ให้ตรวจสอบเฉพาะตัวเลขหลักสิบและหลักหน่วยเท่านั้นว่า หารด้วย 4 ลงตัวหรือไม่ เนื่องจากตั้งแต่หลักร้อยขึ้นไป สามารถแยกเป็นจำนวนนับคูณด้วย 100 ได้เสมอ โดยที่ 100 หารด้วย 4 ลงตัว เช่น 22,354,672 หารด้วย 4 ลงตัวเพราะ 72 หาร 4 แล้วมีเศษเป็น 0
5. จำนวนที่หารด้วย 5 ลงตัว จะเป็นจำนวนที่มีหลักหน่วยเป็นเลข 0 หรือ 5 เท่านั้น ถ้าเป็นตัวเลขอื่น จะหารด้วย 5 ไม่ลงตัว เช่น 235 หารด้วย 5 ลงตัว
6. จำนวนที่หารด้วย 6 ลงตัวนั้นจะเป็นจำนวนคู่ที่ 3 หารลงตัว เนื่องจาก 6 คือผลคูณของ 2 และ 3 ดังนั้นจึงพิจารณาตามหลักการหารด้วย 2 และ 3 โดยหารด้วย 2 ต้องเป็นจำนวนคู่ และ 3 ต้องหารผลบวกของเลขโดดของจำนวนนั้นลงตัว เช่น 15,642 หารด้วย 6 ลงตัว เพราะเป็นจำนวนคู่ และผลบวกเป็น 1+5+6+4+2 = 18 ซึ่ง หารด้วย 3 ลงตัว
7. ……..

เกี่ยวกับ kamonpat

ครูคณิตศาสตร์ โรงเรียนชัยนาทพิทยาคม
ข้อความนี้ถูกเขียนใน ตามอารมณ์เจ้าของblog คั่นหน้า ลิงก์ถาวร

ใส่ความเห็น